
รอยแผลเป็น (Scar) คือร่องรอยที่หลงเหลือจากการซ่อมแซมตัวเองของผิวหนัง หลังจากเกิดบาดแผล อุบัติเหตุ การผ่าตัด หรือแม้แต่สิว แม้ร่างกายจะสามารถรักษาตัวเองได้ แต่ก็อาจทิ้งร่องรอยไม่พึงประสงค์ไว้ เช่น รอยนูน รอยบุ๋ม หรือรอยสีผิดปกติ ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นใจและบุคลิกภาพ
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับรอยแผลเป็นอย่างละเอียด พร้อมวิธีดูแลและรักษาให้จางลงอย่างปลอดภัยและได้ผลดีที่สุด
หัวข้อ
สาเหตุของการเกิดรอยแผลเป็น
- แผลจาก อุบัติเหตุ หรือการหกล้ม
- แผลจาก การผ่าตัด
- แผลจาก สิวอักเสบ
- แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
- แผลจาก การติดเชื้อหรือแพ้สารเคมี
ประเภทของรอยแผลเป็น
ประเภท | ลักษณะ |
---|---|
แผลเป็นแบนราบ (Flat Scar) | มีสีเข้ม หรือจางกว่าสีผิวปกติ แต่ไม่มีความนูนหรือบุ๋ม |
แผลเป็นนูน (Hypertrophic Scar) | นูนขึ้นจากผิวหนังเดิม อาจมีสีแดงหรือคล้ำ |
แผลเป็นคีลอยด์ (Keloid) | นูนมากและลุกลามออกนอกขอบแผลเดิม มักมีอาการคันหรือเจ็บร่วม |
แผลเป็นบุ๋ม (Atrophic Scar) | ผิวหนังยุบลง เช่น รอยสิวหลุม หรือแผลฝี |
แผลเป็นจากการหดรั้ง (Contracture Scar) | ผิวหนังแข็งและหดรั้ง เกิดจากไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก ทำให้ขยับร่างกายลำบาก |
วิธีลดเลือนรอยแผลเป็นให้จางลง
1. ใช้ครีมหรือเจลลดรอยแผลเป็น
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Allium Cepa, Silicone, Vitamin E, Centella Asiatica
- ใช้ทาวันละ 2-3 ครั้ง ต่อเนื่องอย่างน้อย 2–3 เดือน
2. แผ่นซิลิโคนเจล (Silicone Sheet)
- เหมาะสำหรับแผลนูนหรือคีลอยด์
- ใช้ปิดบริเวณแผลเป็นวันละ 12–24 ชั่วโมง
3. การเลเซอร์ (Laser)
- ใช้สำหรับรอยแดง รอยคล้ำ และรอยบุ๋ม
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและผลัดเซลล์ผิว
- ต้องทำโดยแพทย์ผิวหนัง
4. ฉีดยาสเตียรอยด์ (Steroid Injection)
- ใช้ในกรณีแผลคีลอยด์หรือแผลนูน
- ลดอาการบวมแดง และช่วยให้แผลแบนลง
5. การรักษาด้วยคลื่นวิทยุ / มิกโร่นีดลิ่ง / ทรีตเมนต์อื่น
- ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
- มักใช้ร่วมกับการรักษาอื่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
การดูแลแผลหลังหายเพื่อป้องกันแผลเป็น
- อย่าแกะหรือเกาแผล เพราะอาจทำให้แผลลึกขึ้น
- หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง และทาครีมกันแดด SPF 30+ บริเวณแผล
- ทาครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
- หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่รัดแผล
- ดื่มน้ำมาก ๆ และรับประทานอาหารที่มีวิตามิน C และ E
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรอยแผลเป็น
Q: รอยแผลเป็นจางลงได้จริงไหม?
A: สามารถจางลงได้โดยเฉพาะหากดูแลอย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ ยิ่งเริ่มรักษาเร็ว ยิ่งมีโอกาสจางได้มาก
Q: รอยแผลเป็นจากสิวรักษาได้ไหม?
A: ได้ โดยใช้วิธีเช่น เลเซอร์, มิกโร่นีดลิ่ง, กรอผิว หรือใช้เวชสำอางอย่างต่อเนื่อง
Q: ใช้เวลานานแค่ไหนกว่ารอยแผลเป็นจะหาย?
A: ขึ้นอยู่กับประเภทของแผลและวิธีการดูแล โดยทั่วไปต้องใช้เวลา 3–6 เดือน หรือมากกว่านั้นในบางกรณี
สรุป
รอยแผลเป็น แม้จะเป็นเรื่องธรรมชาติของร่างกายหลังการฟื้นฟูแผล แต่หากได้รับการดูแลและรักษาอย่างเหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็สามารถ จางลงอย่างเห็นได้ชัด และคืนความมั่นใจให้กับผู้ที่มีปัญหาได้
เริ่มดูแลรอยแผลเป็นตั้งแต่วันนี้ เพื่อผิวเรียบเนียน สวยใส และมั่นใจในทุกมุมมอง
หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับแผลเป็นที่รบกวนใจ อย่าลังเลที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อรับการดูแลที่เหมาะสมที่สุดค่ะ
ติดต่อเรา
- สถานที่ : 12/14 ถนนละม้ายสงเคราะห์ ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110
- เบอร์โทร : 081-5400096
- Facebook : คลินิกหมอจตุรงค์ – Jaturong Clinic ศัลยกรรมโดยแพทย์เฉพาะทางความงามบนใบหน้า
- Tiktok : jaturongclinic
- เว็บไซต์ : www.jaturongclinic.com
- แผนที่ : คลินิกหมอจตุรงค์ Jaturong Clinic